- แนะนำตัว (เล่าเกี่ยวกับตัวเอง ตำแหน่งงาน และประสบการณ์ทำงาน)
สวัสดีครับ แบงค์ ปฏิพล มหัจฉริยวงศ์ ปัจจุบันเป็น IP Development Manager ของบริษัทมินโตะ มีหน้าที่ดูแล IP ทั้งหมดของมินโตะ ทั้ง IP ลิขสิทธิ์มินโตะ ตรงนี้ก็คือครอบคลุม ทั้ง IP ที่มินโตะซื้อเข้ามา และ IP ที่มินโตะเป็นเจ้าของอยู่แล้วครับ
- เหตุผลที่เลือกทำงานกับมินโตะ
ต้องบอกก่อนเลยว่าผมรู้จักกับมินโตะผ่าน Headhunter ครับ ตอนนั้นทาง Headhunter ติดต่อเข้ามาสอบถามว่ามีบริษัทคาแรคเตอร์สนใจอยากจะสัมภาษณ์ผม ซึ่งผมเองก็ทำงานเกี่ยวกับคาแรคเตอร์อนิเมะมาก่อนอยู่แล้ว คิดว่าน่าลองดูสักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร จากนั้นก็ได้มีการนัดสัมภาษณ์ ซึ่งก่อนจะถึงวันสัมภาษณ์ผมก็ได้เข้าไปศึกษาเกี่ยวกับบริษัทถึงได้รู้ว่ามินโตะ คือเจ้าของสติ๊กเกอร์ที่เราใช้เป็นประจำบนเฟซบุ๊ก ทำให้ยิ่งสนใจอยากจะร่วมงานกับมินโตะมากขึ้น พอผ่านการสัมภาษณ์ จากนั้นจนถึงวันนี้ผ่านมากือบ 4 ปีแล้วครับ
- ช่วยเล่ารายละเอียดการทำงานให้ฟังหน่อย
โจทย์ในการดูแลคาแรคเตอร์ของผมง่ายๆ เลยคือ จะทำอย่างไรให้คาแรคเตอร์สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้ พอเรามีโจทย์ที่ชัดเจนแล้ว เราก็มามองดูว่าคาแรคเตอร์แต่ละคาแรคเตอร์มีโอกาสหรือช่องทางไหนบ้าง ที่จะสามารถทำโจทย์สำเร็จได้ ยกตัวอย่างเช่น Usagyuuun เหมาะกับการสร้างสินค้าออกไปขายกลุ่มแฟนคลับ นี่ก็นับเป็นหนึ่งวิธีการแล้วต่อมาคือ Piyomaru อาจจะเหมากับการนำลิขสิทธิ์ของคาแรคเตอร์ให้กับผู้ผลิตสินค้าเจ้าอื่นที่มีกำลังในการผลิตสินค้าที่จะสามารถวางขายได้ทั่วประเทศมากกว่าประมาณนี้ครับ วิธีการก็จะต่างกันไปในแต่ละคาแรคเตอร์ ขึ้นอยู่กับจุดเด่นของคาแรคเตอร์นั้นๆ ครับ
พูดถึงพาร์ทการทำงานอาจจะหนักไปสักหน่อย มาเล่าถึงบรรยาการทำงานและคนในทีมกันบ้างดีกว่า บรรยากาศทำงานในตอนที่แรกที่ผมเริ่มทำงานกับตอนนี้ก็ยอมรับเลยว่าเปลี่ยนไปเยอะมากเหมือนกันทั้งออฟฟิศและเพื่อนในทีม ตอนแรกที่ผมเริ่มเข้ามาทำงานทั้งทีมบริษัทมีกันอยู่แค่เจ็ดคน และเป็นโฮมออฟฟิศ รูปแบบการทำงานก็จะสบายๆ ไม่มีอะไรที่ตายตัว ขอแค่ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จก็พอ แต่พอมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นออฟฟิศปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นการเติบโตในทางที่ดีขึ้น แต่เราก็ยังคงความอิสระในการทำงานของทุกคนเหมือนเดิม เพียงแค่อาจจะมีระบบระเบียบเข้ามาเพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันและทำงานกันได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด สำหรับผมมองว่านี่เป็นจุดเด่นในการทำงานของมินโตะเลยครับ
- ตลอดการทำงานที่ผ่านมา คิดว่างานไหนเป็นงานที่ท้าทายมากที่สุด
งานที่ท้าทายก็ทุกงานนะ แต่ถ้าเป็นงานที่ทำออกมาแล้วอิมแพ็คที่สุดคงเลือก Blind Box ด้วยความที่เราในตอนนั้นยังไม่เคยทำโปรเจคใหญ่มูลค่าเยอะมากแบบนั้นมาก่อนด้วย ต้นทุนทุกอย่างก็จะเพิ่มขึ้นตามมา โดยปกติแล้วถ้ามินโตะผลิตสินค้าจะอยู่ที่ประมาณหนึ่งถึงสองร้อยชุด แต่พอมาเป็น Blind Box เราต้องทำทั้งหมดสามพันกล่อง นับเป็นหกร้อยชุด ตอนนั้นก็มีหลายคำถามเข้ามาว่าเราจะขายใครกันนะ เราเองมองว่าเราเป็นบริษัทเล็ก ฐานแฟนคลับไม่น่าจะเยอะขนาดนั้นหรือเปล่านะ แต่พอได้ขายจริงก็ได้รู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องขายแค่ในกลุ่มแฟนคลับคาแรคเตอร์เท่านั้น ยังมีกลุ่มตลาดของเล่นและสายสะสมที่เขาสนใจที่จะซื้อสินค้าของเราด้วยเหมือนกัน จากที่คิดว่าไม่รู้ว่าจะขายใครกลายเป็นขายหมด แถมยังได้รู้จักตลาดอื่นๆ และเปิดมุมมองใหม่ของการทำธุรกิจของมินโตะอีกด้วย เป็นงานที่สนุก ท้าทายแถมยังได้รับบทเรียนที่ดี
- หลังจากได้ทำงานกับคาแรคเตอร์แล้ว ความรู้สึกที่มีต่อคาแรคเตอร์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง
ถ้าถามว่าความรู้สึกเปลี่ยนไปหรือเปล่า ก็อาจจะบกอว่าไม่ได้ปลี่ยนไปมากขนาดนั้น ด้วยความที่ผมเองมีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับการ์ตูนอนิเมะอยู่แล้วด้วย แต่ก็มีจุดที่ต่างกันของทั้งสองอย่าง อย่างการ์ตูนจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องราวต่างๆ แต่คาแรคตอร์จะเน้นเป็นการสื่อสารแทนคำพูดในรูปแบบภาพมากกว่า สำหรับผมเองคาแรคเตอร์เกิดขึ้นเพื่อให้การสื่อสารง่ายขึ้น ทำให้การสื่อสารไม่มีกำแพง และส่งต่อความรู้สึกได้ครบถ้วนและชัดเจนมากกว่าตัวหนังสือ และลดความผิดพลาดในการตีความน้ำเสียงของอีกฝ่าย
- สำหรับคุณมินโตะมีความหมายอย่างไร
สำหรับผมมินโตะเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้เราได้ลองทำในสิ่งที่อยากทำ ต้องบอกเลยว่ามินโตะเป็นที่ที่เปิดกว้างในเรื่องของไอเดียใหม่ๆ เช่น ถ้าเราอยากลองทำบางอย่างก็มีคนพร้อมที่จะสนับสนุนให้เราได้ลองทำ เพราะมินโตะเองเชื่อว่าทุกคนต้องได้เรียนรู้จากการลงมือทำเอง ที่มินโตะเราไม่ค่อยตั้งทำคำถามกับโอกาส และจะไม่ปิดโอกาสตัวเองจากการได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ และด้วยเหตุผลนี้ทำให้เราทำงานบางอย่างที่เราอาจจะไม่เคยทำเปรียบกับในการเล่นเกม ก้เหมือนตัวละครเราจะได้อัพเกรดสกิลของเราแบบติดจวรด ซึ่งสำหรับผมแล้วมองว่านี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของมินโตะครับ
- สุดท้ายนี้ อยากบอกหรืออยากทำอะไรกับมินโตะในอนาคตบ้าง
ในวันที่มินโตะเติบโตขึ้น ผมอยากให้มินโตะรักษาข้อดีที่เป็นจุดแข็งของเราเอาไว้ อย่างเช่น รักษาความกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ๆ ของเราเอาไว้ ต่อให้เราจะไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นหัวหรือก้อยแต่ก็อยากให้เรายังกล้าที่จะเสี่ยง และไม่ยึดติดกับพื้นที่ปลอดภัยของเรา
มินโตะยังพร้อมเป็นเซฟโซนให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีไอเดียและอยากลองเรียนรู้โลกธุรกิจไปกับด้วยกัน สามารถคอยติดตามข่าวสารได้ที่ www.minto-th.com และ Facebook Page: Minto Thailand